แนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาการเกษตรไทยปี 59 
?พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมสัมมนาพร้อมมอบนโยบาย ปี 2559 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันก่อน เพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจนโยบายสำคัญที่ กระทรวงเกษตรฯ ต้องเร่งดำเนินการในปี 2559 แก่หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมและรัฐวิสาหกิจ และหัวหน้าส่วนราชการในภูมิภาค ได้แก่ เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เกษตร จังหวัด สหกรณ์จังหวัด ประมงจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด ปฏิรูปที่ดินจังหวัด รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการอื่น ๆ และผู้เกี่ยวข้องประมาณ 1,000 คน เข้าร่วมประชุม ในที่ประชุมนอกจากมีการชี้แจงถึงแนวทางการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติในระดับภูมิภาคแล้ว ก็ยังมีการเสวนาเรื่องแนวทางการ บูรณาการในการดำเนินงานเร่งด่วนกรณีการแก้ไขปัญหาวิกฤติภัยแล้ง ปี 2558/59 อีกด้วย รวมถึงเรื่องIUUพ.ร.บ.การยางแห่งประเทศ ไทย และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการเสวนาเรื่องการบูรณาการ การทำงานของหน่วยงานในระดับพื้นที่ของกระทรวงเกษตรฯ กรณีการลดต้นทุนการผลิตและการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันสินค้าเกษตร ด้วยระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และการจัดการฐานข้อมูลและศูนย์เรียนรู้ ด้านการเกษตร สำหรับงานเร่งด่วนของกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องเร่งดำเนินการนั้น ได้กำหนดไว้ 5 เรื่องได้แก่ 1) การแก้ปัญหาIUU2) การลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสการแข่งขันสินค้าเกษตรด้วยระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ 3) การจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรให้ครอบคลุม 4) การแก้ปัญหาภัยแล้ง และ 5) การส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรอินทรีย์ และการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใช้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะเน้นการสร้างแรงจูงในการทำงานให้กับเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยจัดให้มีการประกวดการดำเนินงานในกิจกรรมส่งเสริมการเกษตรที่สำคัญ ๆ ของกระทรวงเกษตรฯโดยเฉพาะการประกวดการดำเนินงานในพื้นที่ลดต้นทุนการผลิตและการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันสินค้าเกษตรด้วยระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งมีจำนวน 76 จังหวัด ๆ ละ 1 แปลง รวม 76 แปลง อย่างไรก็ตามการบูรณาการและสร้างเครือข่ายการทำงานในระดับจังหวัดและพื้นที่นั้นนับเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาการเกษตรและการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในด้านการตลาด รวมทั้งสภาหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรม นอกจากนี้ จะให้เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ได้รู้และรับผิดชอบงานในหน้าที่ของตนเองอย่างเป็นรูปธรรมอย่างทันต่อสถานการณ์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีใจบริการเกษตรกร สามารถสื่อสารและทำให้เกษตรกรเข้าใจเพื่อก่อเกิดความร่วมมือได้อย่างง่ายและชัดเจนอีกด้วย.“

rn

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/agriculture/358931