rn
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2556 ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและเปิดพิธีปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ปลอดสารพิษ เพื่อปลดหนี้เกษตรกรตามแนวพระราชดำริ โดยเป็นโครงการนำร่องใช้ที่ดินทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร สู่ตลาดข้าวระดับสูง โดยมีนายยศวัฒน์ ชัยวัฒนสิริกุล ว่าที่ร้อยตรี สมพูลทรัพย์ กล้าวิกรณ์ ให้เกียรติร่วมพิธีเปิดโครงการดังกล่าวด้วย
rn
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการเป็นประธานพิธีปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ (Rice Berry) ปลอดสารพิษ เพื่อปลดหนี้เกษตรกรตามแนวพระราชดำริ ณ คลอง 9 รังสิต ตำบลคลองเก้า อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ว่า โครงการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ เพื่อปลดหนี้เกษตรกรตามแนวพระราชดำริ เป็นโครงการนำร่องการพัฒนาอาชีพเกษตรกร สร้างความมั่นคง และใช้ที่ดินทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกพืช ที่มีราคาผลผลิตสูง เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่มีราคาขายเกวียนละ 4,800 บาท ซึ่งข้าวขาวปกติมีราคาขายเกวียนละ 1,500 บาท เพื่อรองรับตลาดผู้บริโภคข้าวในระดับสูง ซึ่งจะทำการขยายผลโครงการไปยังพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป โดยขณะนี้ผู้แทนเกษตรกรในอำเภอหนองเสือ มีแผนจะร่วมกันทำนากว่า 1,400 ไร่ โดยร่วมกับภาคเอกชนทำการจัดพื้นที่เพาะปลูก และนำเครื่องจักรกลเกษตรเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานภาคการเกษตรที่ลดลง และช่วยลดต้นทุนการผลิต
rn
rn
นายยศวัฒน์ ชัยวัฒนสิริกุล กรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูฯ ได้เห็นความสำคัญของโครงการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ เนื่องจากเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ปลูกข้าวปลอดสารพิษ ลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกองทุนฟื้นฟูฯ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้สมาชิกทำเกษตรตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย โครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรอย่างมาก จึงพยายามผลักดันให้การปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายได้ และช่วยให้พี่น้องเกษตรกรสามารถปลดเปลื้องหนี้สินได้อีกด้วย
rn
นางจินดารัตน์ ถวิลเต็มทรัพย์ ประธานสหกรณ์ผู้ผลิตข้าว พืชผัก และผลไม้ปลอดสารพิษ จังหวัดปทุมธานี จำกัด กล่าวว่า โครงการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ เพื่อปลดหนี้เกษตรกรตามแนวพระราชดำริ มีพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด 60 ไร่ และมีตลาดรองรับผลผลิตทั้งหมดแล้ว โดยคาดว่าจะขยายการปลูกพืชปลอดสารพิษ ไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรต่อไป
rn
rn
