rn
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับอนุกรรมการฯ จังหวัดและศูนย์ดำรงธรรมอำเภอคำม่วง ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของนายเกรียงไกร ติชาวัน ซึ่งทำหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกรณีไม่มีที่อยู่อาศัย เนื่องจากอยู่ระหว่างบังคับคดีขับไล่จากธนาคารกรุงเทพ
rn
นางพาขวัญ พวงมาลี หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ สาขาจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า นายเกรียงไกร ติชาวัน ทายาทของนายบุญจันทร์ ติชาวัน สมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอรับความช่วยเหลือเนื่องจากประสบปัญหาเดือดร้อนเรื่องหนี้สิน เป็นหนี้ธนาคารกรุงเทพ สาขาสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ จนถูกธนาคารฟ้องร้องดำเนินคดีและซื้อทรัพย์ไว้ตั้งแต่ปี 2548 โดยทรัพย์สินที่ถูกยึดเป็นบ้านพักอาศัยเลขที่ 109 ม.6 ต.ทุ่งคลอง อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ โฉนดที่ดินเลขที่ 3787 เนื้อที่ประมาณ 69 ตารางวา ชื่อกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นชื่อ นางของ ติชาวัน ซึ่งเป็นมารดา แต่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทางธนาคารจึงได้มีหมายบังคับให้ลูกหนี้พร้อมบริวารออกจากที่ดินดังกล่าว ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับคำบังคับ ซึ่งหมายบังคับลงวันที่ 5 มิถุนายน 2558 เมื่อสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ได้รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อน จึงได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์งดการบังคับคดีไปถึงธนาคารกรุงเทพ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากติดขัดในกระบวนการจัดตั้งผู้จัดการมรดก ทางธนาคารไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ สำนักงานจึงได้เชิญตัวแทนจากธนาคารกรุงเทพ ร่วมหารือกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความเห็นตรงกันว่า จะระดมทุนเพื่อขอรับบริจาคเงิน จำนวน 30,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างคืนให้เกษตรกร
rn
“จากการลงพื้นที่พบว่าครอบครัวของนายเกรียงไกร ติชาวัน ยากจนมาก ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีอาชีพ ทั้งยังต้องแบกรับภาระดูแลรวม 4 ชีวิต คนชราอายุ 89 และน้องชายที่มีอาการป่วยทางจิตอีก 2 คน ต้องประทังชีพด้วยการขอข้าววัด หรือรอให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงหยิบยื่นให้ และหาเก็บของป่ากินและขาย แลกกับข้าวสาร รายได้หลักที่นำมาจุนเจือครอบครัวคือเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ และเบี้ยยังชีพคนพิการ เดือนละ 1,600 บาท ตัวนายเกรียงไกรเองไม่ทราบมาก่อนว่าบิดาเป็นหนี้กับธนาคารกรุงเทพและธนาคารได้ซื้อทรัพย์ไว้ จนได้รับหมายบังคับขับไล่ โดยได้บวชพระตั้งแต่ปี 2539 เป็นเวลา 12 ปี ต้องลาสิกขาออกมาเมื่อปี 2551 เพื่อดูแลมารดาที่ป่วยเป็นโรคไต ต่อมาจึงเสียชีวิต และมีปัญหาเรื่องการจัดการมรดก โดยหลังจากนี้สำนักงานร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมจะรวบรวมเงินที่ได้จากการบริจาคนำมาซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างคืน หากมีเงินเหลือจะซ่อมแซมบ้าน ปรับปรุงห้องน้ำ และจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้”
